tag:blogger.com,1999:blog-21589047341727495892024-03-13T21:07:48.597-07:00รวมทิป & เทคนิคเกี่ยวกับ Computerรวบรวมทิปมากมายและเทคนิคเกี่ยวกับการใช้งาน การติดตั้งโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.comBlogger64125tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-27957415985193019882010-02-15T04:38:00.000-08:002010-02-15T04:41:53.969-08:00วิธีแก้ปัญหาเครื่องพิมพ์ inkjetคุณมีปัญหาเครื่องพิมพ์ Inkjet หรือเปล่า<br />สำหรับผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์ประเภท Inkjet หรือเครื่องพิมพ์ประเภทพ่นหมึก รับรองว่าหลังจากใช้ไปสักพัก ย่อมเกิดปัญหาต่างๆ มากมาย (เพราะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ) เช่น หัวพิมพ์ตัน พิมพ์ไม่ออก, พิมพ์ออกมาเป็นเส้นๆ อ่านไม่รู้เรื่อง, พิมพ์ออกมาเบี้ยว ไม่ตรง เป็นต้น ถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้ ปกติคุณทำอย่างไร ส่งซ่อม แก้ไขเอง และซื้อใหม่เลย :)? ยังไงก็ตาม ลองมาทดสอบแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อนสักนิดจะดีกว่าไหมครับ..<br /><br />วิธีตรวจสอบ แก้ไขปัญหาเครื่องพิมพ์ Inkjet ด้วยตัวเอง<br /><br />อาการพิมพ์ออกมาเบี้ยว ข้อความไม่ตรง<br />ให้เข้าไปที่เมนู Printer & Faxes<br />คลิกเลือก Printer รุ่นที่ใช้อยู่<br />คลิกขวาเลือก Properties<br />จากนั้นให้ดูแท็ป Maintenance<br />คลิกเลือกทดสอบทีละหัวข้อ Print Head Alignment<br />เลือกหัวข้อ Nozzle Check<br />กรณีสั่งพิมพ์แล้วน้ำหมึกไม่ออก ทั้งๆ ที่ไม่หมด<br /><br />ตรวจสอบน้ำหมึกทุกๆ สีด้วยว่าหมดหรือเปล่า เพราะ Inkjet Printer หลายๆ?รุ่น ถ้าหมึกหมดสีหนึ่งจะไม่ทำงานเลย?<br />ให้เข้าเมนู Maintenance<br />คลิกเลือกหัวข้อ Cleanning (เพื่อทำความสะอาดหัวเข็ม)<br />ถ้ายังไม่ได้ ให้คลิกหัวข้อ Deep Cleanning<br />สำหรบการทดสอบครั้งนี้ใช้เครื่องพิมพ์ Canon PIXMA IP1600 ซึ่งโดยปกติของเครื่องพิมพ์ Inkjet ทุกยี่ห้อ จะมีหัวข้อเกี่ยวกับการแก้ไขเบื้องต้นให้เสมอครับ ถ้าไม่มีแนะนำให้ลองลง Driver ของ Printer ใหม่และเลือกติดตั้งแบบสมบูรณ์<br /><br />ขอขอบคุณ kachon.com<br /><br /><strong><span style="font-size:180%;"><a href="http://kampongduku.igetweb.com/">โดยทีมงานกัมปงดูกู</a></span></strong>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-1074739668106374172010-02-15T04:34:00.000-08:002010-02-15T04:37:35.790-08:00วิธีการยืดอายุแบตเตอรี่โน้ตบุควิธียืดอายุให้ Battery ของ Notebook<br />หลีกเลี่ยงการใช้งานในห้องที่มีอุณหภมิสูงเกินไป ?<br />การ Charge ทุกครั้ง ควร Charge ให้เต็มด้วยเสมอ<br />ถ้าไม่ใช้ Notebook นานๆ ควร charge battery ให้เต็มและถอดเก็บไว้<br />ปิดการใช้งาน BlueTooth?รวมทั้ง Wirreless ด้วยถ้าไม่ได้ใช้งาน?<br />อย่าปล่อยให้ไฟหมดเกลี้ยงในตัว battery เพราะจะทำให้ charge และไฟเข้ายากกว่าปกติ<br />ใช้ Battery กันบ้าง คนส่วนใหญ่มักจะต่อสาย Power เข้ากับปลั๊กทันทีที่มีโอกาส ทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ battery กันอย่างจริงๆ จังๆ ดังนั้น แนะนำให้ใช้ไฟจาก battery บ้าง อย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง การใช้ก็ควรใช้ให้หมดจนกระทั่งขึ้นสัญญาณให้ charge<br />ถอด battery ออก ต่อสายตรง ซึ่งข้อนี้ ไม่ได้แนะนำน่ะครับ แต่เห็นเพื่อนบางคน ประหยัดสุดๆ?กลัว Battery ใช้ได้ไม่ถึง 5 ปี (ปกติก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ฮิๆ)? ถ้าจะถอดจริงๆ ก็เปลี่ยนไปใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเลยดีกว่า<br />หวังว่าคงถูกใจ และก็ลองๆ นำไปใช้กันดูน่ะครับ? ถ้าดีไม่ดีก็เมลมาบอกกันได้ครับ :)<br /><br />ขอขอบคุณ kachon.com<br /><br /><a href="http://kampongduku.igetweb.com/">โดยทีมงานกัมปงดูกู</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-89226415746492773642010-01-23T01:20:00.001-08:002010-01-23T01:22:25.549-08:00โหลดเพลงเป็นล้านฟรี - ผ่าน Muziic<table width="100%" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="top"> <img class="alignnone size-full wp-image-51" title="muziic" alt="muziic" src="http://comtips.2beshop.com/wp-content/uploads/2009/03/muziic.png" width="200" height="80" /> <p>download โปรแกรมนี้<a target="_blank" href="http://www.muziic.com/download.php"><span style="color:#0060ff;">คลิ๊กที่นี่</span></a></p> <p>หลังจากที่เราเคยมีประสบการณ์กับ Kazaa, LimeWire, และ Napter ซึ่งใช้การ download เพลงแบบ peer-to-peer ตัวใหม่ที่จะพูดถึงในวันนี้คือ Muziic ซึ่งเป็น desktop application ที่ใช้งานได้กับ Windows XP, 2003 และ Vista โดยโปรแกรมนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว</p> <h3>Muziic ทำงานยังไง?</h3> <p>ด้วย Muziic คุณสามารถฟังเพลงฟรีแบบออนไลน์ และมีเพลงให้เลือกฟังเป็นล้าน ๆ เพลง ซึ่งคุณจะไม่มีปัญหาใด ๆ เหมือนอย่าง Napster<br />เพราะ Muziic นั้นเป็นการใช้งานที่ถูกกฏหมาย 100% คุณสามารถใช้โปรแกรมตัวนี้เพื่อค้นหาเพลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประเภทใด เก่าแค่ไหน</p> <p><img class="alignnone size-full wp-image-52" title="muziic-img-1" alt="muziic-img-1" src="http://comtips.2beshop.com/wp-content/uploads/2009/03/muziic-img-1.png" width="500" height="316" /></p> <p>ในตอนแรกที่เริ่มใช้โปรแกรมนี้ใหม่ ๆ หน้าตาและการใช้งานโปรแกรมอาจจะยังไม่คุ้นเคยสำหรับคุณ แต่เมื่อคุณใช้ไปซักพัก คุณจะรู้สึกว่าโปรแกรมนี้สามารถใช้ค้นหา และฟังเพลงต่าง ๆ ได้สะดวกจริง ๆ</p> <p>สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือดาวน์โหลด Muziic โดย<a target="_blank" href="http://www.muziic.com/download.php"><span style="color:#0060ff;">คลิ๊กที่นี่</span></a> จากนั้นให้ทำการ Install โปรแกรม แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อใช้งาน</p> <p>เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา คุณจะเห็น Muziic player window ซึ่งเป็นขึ้นมาเพื่อให้คุณได้ scroll up และ down เพื่อเลือกแนวเพลงที่คุณต้องการ คุณสามารถเปิด genre หรือแนวเพลง และทำการดูรายชื่อเพลงต่าง ๆ ที่มีสมาชิกคนอื่น upload เข้าไปที่ Muziic ได้โดยการคลิ๊กที่ชื่อของเพลงนั่นเอง</p> <p><img class="alignnone size-full wp-image-53" title="muziic-img-4" alt="muziic-img-4" src="http://comtips.2beshop.com/wp-content/uploads/2009/03/muziic-img-4.png" width="218" height="289" /></p> <p>เมื่อคุณเลื่อกแนวเพลง และเจอเพลงที่คุณต้องการจะฟัง คุณก็เพียงแค่คลิ๊กที่สัญลักษณ์ข้าง ๆ เพลงนั้น คุณก็สามารถเพิ่มเพลงนั้นเข้าสู่ play list ได้ทันที</p> <p><img class="alignnone size-full wp-image-54" title="muziic-img-5" alt="muziic-img-5" src="http://comtips.2beshop.com/wp-content/uploads/2009/03/muziic-img-5.png" width="500" height="240" /></p> <p>เมื่อเลื่อกเพลงให้ไปอยู่ใน play list แล้วคุณก็สามารถ double click ที่เพลงเพื่อเริ่ม load และเล่นเพลงที่ต้องการได้ทันที</p> <p><img class="alignnone size-full wp-image-55" title="muziic-img-6" alt="muziic-img-6" src="http://comtips.2beshop.com/wp-content/uploads/2009/03/muziic-img-6.png" width="500" height="127" /></p> <h3>ตัวเดียวก็เกินพอ</h3> <p>Muziic มีตัว player ในการเล่นเพลงที่ให้คุณภาพเสียงได้ดีเยี่ยม คุณสามารถตั้งค่าให้เหมาะสมกับความเร็ว internet ของคุณโดยการคลิ๊กที่ setting tab และเลือกคุณภาพของเสียงระหว่าง Standard และ HQ Stereo (แบบ HQ หรือ High Quality นั้นคุณจะต้องมี internet ความเร็วสูง)</p> <p>นอกจากคุณภาพเสียงที่สามารถปรับให้ตรงกับความไว internet ของคุณแล้ว คุณสามารถเลือกฟังเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว นับว่าเป็นโปรแกรมที่น่าโหลดไปลองใช้ดูอย่างยิ่งครับ</p> บทความโดย <a target="_blank" href="http://www.2beshop.com/"><span style="color:#0060ff;">2beshop.com</span></a><br /><br />จาก bcoms.net<br /><br /> <a href="http://kampongduku.igetweb.com"> By kampongduku team</a><br /> </td></tr></tbody></table>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-62086029379529566742010-01-23T01:18:00.000-08:002010-01-23T01:20:23.063-08:00จับหน้าจอเว็บไซต์ง่าย ๆ ด้วย SnagIt8<div align="center"><b><span style="color:#ff0000;">จับหน้าจอเว็บไซต์ง่าย ๆ ด้วย SnagIt8 </span> </b></div> <p>หลาย ๆ ท่านอยากจะจับหน้าจอเว็บไซต์ เพื่อใช้ในงานเอกสารต่างๆ แต่ไม่สามารถจับได้หมดเพราะว่าหน้าเว็บไซต์นั้นยาวเกินหน้าจอ วันนี้ผมขอแนะนำ SnagIt8 ที่จะมาช่วยคุณจับหน้าเว็บไซต์ให้หมด ไม่ว่าหน้าของเว็บไซต์นั้น ๆ จะยาวแค่ไหน ก็ตาม ด้วยวิธีที่ง่าย ๆ แค่คลิกไม่กี่ครั้ง ดาวโหลดโปรแกรม <a href="http://www.google.co.th/search?hl=th&q=SnagIt+8&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2&meta=" target="_blank">คลิกที่น</a>ี่ ส่วนวิธีใช้มีดังต่อไปนี้</p> <p>หลังติดตั้งโปรแกรมเสร็จ ให้เปิดโปรแกรม SnagIt8 ขึ้นมาแล้วคลิกที่ <b>Continue Trial </b>ซึ่งโปรแกรมนั้จะใช้ได้ 30 วัน</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/snagit8/1.jpg" width="454" height="478" /></p> <p>ถึงตอนนี้ให้คุณเปิดหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการจับภาพเตรียมไว้ครับ แล้วคลิกที่ <b>Scrolling windows (web page)</b></p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/snagit8/2.jpg" width="550" height="440" /></p> <p>จากนั้นให้เปิดหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการจับภาพที่ได้เตรียมไว้ แล้วเปิดมาที่หน้าจอของ SnagIt อีกครั้ง จากนั้นให้คลิก <b>Capture </b> แล้วคลิกไปที่หน้าเว็บไซต์ที่ต้องการจับภาพ 1 ครั้ง เพียงเท่านี้โปรแกรมก็จะจับภาพให้คุณแล้ว <b><br /> การ Save รูปภาพ</b> ให้คลิกที่ Save As แล้วตั้งชื่อไฟล์ เลือก Save as type ที่ต้องการ (เช่น Gif , Jpg) เพียงเท่านี้คุณก็ได้ภาพเว็บไซต์ แล้วครับ</p> <b>ตัวอย่างรูปที่จับได้</b> (อันนี้ผมย่อมาให้ดูครับ ความจริงมันใหญ่มาก) ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะนำไปใช้ทำอะไร ถ้ารูปมันใหญ่มาก ก็นำไปลดขนาด ตามต้องการด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพต่าง ๆ<br /> <br /> <img src="http://www.bcoms.net/software/snagit8/3.gif" width="550" height="1514" /><br /><br /><br />จาก bcoms.net<br /><br /> <a href="http://kampongduku.igetweb.com"> by kampongduku team</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-13165542915468932482010-01-23T01:17:00.000-08:002010-01-23T01:18:38.133-08:00มาทำให้ลูกศรหน้าไอคอนของคุณหายไปดีกว่า<div align="center"> <b><span style="color:#ff0000;">มาทำให้ลูกศรหน้าไอคอนของคุณหายไปดีกว่า</span></b> </div> <p>หลาย คนเห็นว่ามีลูกศรที่ไอคอนดูแล้วไม่สวยงาม ผมก็อีกคนหนึ่งที่เห็นว่าไม่สวยเลย เรามาเอาออกกันดีกว่า โดยใช้ TweakUI ซึ่งมีมาพร้อมกับ <strong>Windows XP </strong><a href="http://download.microsoft.com/download/f/c/a/fca6767b-9ed9-45a6-b352-839afb2a2679/TweakUiPowertoySetup.exe" target="_blank">ดาวน์โหลดโปรแกรมคลิกที่นี่</a></p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/TweakUIXP/1.jpg" width="550" height="409" /><br /> <span class="style2">ไอคอนที่มีลูกศร</span></p> <p><u><strong>การใช้โปรแกรม</strong></u><br /> 1. เปิดโปรแกรม TweakUI ขึ้นมาโดยไปที่เมนู Start > Programs > Microsoft PowerToys > TweakUI</p> <p><img src="http://www.bcoms.net/software/TweakUIXP/2.jpg" width="540" height="485" /></p> <p align="left">2. คลิกเครื่องหมาย + ที่หน้า Explorer แล้วคลิก Shortcut </p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/TweakUIXP/3.jpg" width="524" height="423" /></p> <p align="left">3. ที่ Shortcut overlay ให้เลือก None แล้วคลิก OK เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/TweakUIXP/4.jpg" width="524" height="423" /></p> <p class="style2" align="left"><strong>ตัวอย่างไอคอนที่ไม่มีลูกศร</strong></p> <img src="http://www.bcoms.net/software/TweakUIXP/5.jpg" width="550" height="364" /><br /><br />จาก bcoms.net<br /><br /> <a href="http://kampongduku.igetweb.com"> โดย kampongduku team</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-10517812281976531012010-01-23T01:14:00.000-08:002010-01-23T01:16:53.461-08:00สุดยอดของการตกแต่งภาพด้วย Piccasa2 โปรแกรมฟรี ๆ จาก Google<p>สำหรับท่านที่ชื่นชอบ การตกแต่งภาพโปรแกรมนี้ไม่ควรพลาดครับ โปรแกรมดี ๆ จาก Google แถมเป็นของฟรีอีกต่างหาก หรือจะเอาไว้ดูภาพแทน ACDSee ก็ยังได้ สามารถค้นหาและเปิดดูรูปได้รวดเร็ว มีลุกเล่นต่าง ๆ มากมาย ในที่นี้ผมคงอธิบายได้ไม่หมด แต่จะอธิบายหัวข้อที่น่าสนใจเท่านั้น <a href="http://picasa.google.com/download/" target="_blank">ดาวน์โหลดโปรแกรมคลิกที่นี่ </a><br /> <br /> เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เมื่อเปิดโปรแกรมครั้งแรก โปรแกรมจะค้นหาไฟล์รูปทั้งหมดในเครื่องของคุณ เพื่อทำเป็น Index ไว้ ซึ่งจะใช้เวลามากน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ จำนวนรูปในเครื่องของคุณ</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/1.gif" width="550" height="413" /> </p> <p><b>วิธีเปิดดูรูป</b> ให้คลิกโฟลเดอร์ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ รูปต่าง ๆ ที่อยู่ในโฟลเดอร์นั้น จะแสดงทางฝั่งขวามือ<br /> การดูรูปให้ดับเบิ้ลคลิกที่รูปนั้น ๆ สามารถเลื่อนรูปได้ทั้งเดินหน้า ถอยหลัง โดยคลิกที่ลูกศร (ดังรูปด้านล่าง)</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/2.gif" width="550" height="413" /></p> <p> ถ้าคุณต้องการดูรูปแบบสไลต์ ให้คลิกที่ ภาพสไลต์ ภาพก็จะแสดงเต็มจอ เลื่อนภาพไปข้างหน้าได้โดยการคลิกที่ลูกศร หรือกดปุ่ม Spread bar ถ้าต้องการออกจากการดูรูปแบบสไลต์ ก็ให้คลิกที่ ออกจากภาพสไลต์ <br /> <span style="color:#ff0000;">หมายเหตุ</span> คุณสามารถกำหนดเวลาในการแสดงภาพสไลต์ได้โดยคลิกที่ เวลาการแสดงภาพ แล้วคลิก - หรือ + เพื่อกำหนดเวลาในการแสดงภาพสไลต์ แต่ละรูป</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/2.1.gif" width="550" height="243" /></p> <p align="left"><b>การตกแต่งแก้ไขรูป</b><br /> ให้ดับเบิ้ลคลิกรูปที่ต้องการตกแต่งแก้ไข เครื่องมือที่ใช้สำหรับการตกแต่งจะอยู่ ฝั่งขวามือ เช่นการปรับสี ,เติมแสง การใส่ เอฟเฟ็คต่าง ๆ กลับภาพ หมุนภาพ แก้ตาแดง ฯลฯ อันนี้ต้องลองเล่นดูครับ </p> <p align="left"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/3.gif" width="550" height="413" /></p> <p align="left"><b>การทำ สกรีนเซฟเวอร์</b><br /> อันนี้ง่ายมาก ๆ ขอบอกให้คลิกเลือกรูปที่ต้องการให้เป็น สกรีนเซฟเวอร์ โดยคลิกที่รูปแรก แล้วกด Shift ค้างไว้ และกดรูปสุดท้าย เพื่อเลือกรูปที่จะทำ สกรีนเซฟเวอร์ จากนั้นไปที่เมนู <span style="color:#ff0000;">สร้าง</span> > <span style="color:#ff0000;">สกรีนเซฟเวอร์ </span></p> <p align="left"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/4.gif" width="550" height="407" /></p> <p align="left">รอสักครู่ ไม่ถึงอึดใจ ก็จะปรากฎ Diskplay Properties ขึ้นมาแสดงตัวอย่าง สกรีนเซฟเวอร์ ให้คุณดู ให้คุณกด ปุ่ม OK ครับ เพียงเท่านี้ก็ทำ สกรีนเซฟเวอร์ เสร็จแล้ว</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/5.gif" width="404" height="455" /></p> <p align="left"><b>การทำ gallery</b><br /> เลือกรูปที่ต้องการ gallery จากนั้นคลิกที่เมนู <span style="color:#ff0000;">สร้าง</span> > <span style="color:#ff0000;">ภาพต่อกัน</span> ในที่นี้ จะมีลูกเล่นต่าง ๆ เช่น ประเภท , ตัวเลือก ลองกำหนดดูครับ เมื่อกำหนดเสร็จแล้วให้คลิกที่ <span style="color:#ff0000;">สร้าง</span> รอสักครู่คุณก็จะได้ gallery ตามสไตล์ ของคุณ ถ้าคุณต้องการ Save gallery ของคุณ เพื่อนำไปให้เพื่อน ๆ ของคุณดู ก็ให้ไปที่เมนู <span style="color:#ff0000;">ไฟล์</span> > <span style="color:#ff0000;">ส่งรูปไปยังโฟลเดอร์</span> จากนั้นเบราส์ เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บ (หรือไม่ต้องเลือกก็ได้) แล้วคลิกที่ ตกลง </p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/7.gif" width="377" height="425" /></p> <p align="left">ด้านล่างคือตัวอย่างที่ทำเสร็จแล้ว</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/8.gif" width="550" height="440" /></p> <p align="left"><b>การทำภาพยนต์</b><br /> คุณสามารถนำรูปของคุณเป็นภาพยนต์ได้ง่าย ๆ โดยให้คลิกเลือกรูปที่ต้องการทำ แล้วไปที่เมนู <span style="color:#ff0000;">สร้าง</span> > <span style="color:#ff0000;">ภาพยนตร์</span> จากนั้น กำหนดเวลาหน่วงระหว่างภาพ และขนาดของภาพยนต์ แล้วคลิก <span style="color:#ff0000;">ตกลง</span></p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/9.gif" width="285" height="217" /></p> <p align="left">จากนั้นให้กำหนด Compressor (ฟอร์แม็ต ของ ภาพยนตร์) แล้วคลิก OK</p> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/picasa2/10.gif" width="286" height="195" /></p> <p align="left">รอสักครู่ (อันนี้ขึ้นอยู่กับรูปของคุณว่ามากหรือน้อย ถ้ามากก็อาจจะนานหน่อย) คุณก็จะได้ภาพยนต์ แล้วละครับ</p> โปรแกรม Piccasa2 ยังทำอะไรได้อีกมากมาย เช่น ทำซีดี , ส่งภาพไปยัง Blogger , ทำโปสเตอร์ ฯลฯ ต้องลองใช้ดูครับ รับรองคุณต้องชอบมันแน่ ๆ<br /><br />จาก bcoms.net<br /><br /> <a href="http://kampongduku.igetweb.com">โดย ทีมงานกัมปงดูกู</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-15153136581870799782010-01-23T01:11:00.000-08:002010-01-23T01:14:31.136-08:00มา Chat ใน Gmail กันเถอะ<div align="center"><b><span style="color: rgb(255, 0, 0);font-family:Microsoft Sans Serif,MS Sans Serif,sans-serif;" >Chat กันได้ใน Gmail</span></b></div> <table width="550" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td width="550" align="middle" valign="top"> <p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/chat_gmail/image001.jpg" width="193" height="173" /></p> <p class="style1" align="left"><span class="style2"><span style="color: rgb(153, 0, 0);"><strong><u>Feature</u></strong></span></span></p> <p class="style1" align="left"> ผู้ใช้ที่เคยพิมพ์ Chat กับเพื่อน ๆ ผ่าน <span class="style4"><span style="color: rgb(0, 0, 255);">Google Talk </span><span class="style5">อย</span></span><span class="style5">ู่เป็น</span><span class="style5">ประจำค</span>งจะถูกใจกับความสามารถใหม่ของ <span class="style4"><span style="color: rgb(0, 0, 255);">Gmail </span></span>อันนี้ครับ เพราะต่อจากนี้ไปขณะที่เพื่อน ๆกำลังเช็คอีเมล์ใน Gmail เราก็สามารถที่จะพิมพ์ Chat คุยกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในลิสต์ของ Google Talk ได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรม Google Talk ครับ </p> <p class="style1" align="left"><span class="style2"><span style="color: rgb(153, 0, 0);"><strong>ข้อแนะนำ </strong></span><span class="style5">ส</span></span><span class="style5">ำหร</span>ับเพื่อนๆ ที่ยังไม่มี Gmail ใช้ สามารถเข้าไปขอ Invite Gmail ได้ที่นี่ครับ </p> <p class="style1 style6" align="center"><a href="http://www.kapook.com/google/gmailinvite.php?PHPSESSID=6472795a8242e55e613487a345f0536b" target="_blank"><strong>>> ต้องการขอ Invite Gmail คลิกที่นี่ << </strong></a></p> <p class="style7" align="left"><strong><span style="color: rgb(153, 51, 0);"><u>วิธีใช้งาน</u></span></strong> </p> <ul><li class="style1"> <div align="left">เมื่อผู้ใช้ทำการ<span class="style6"><span style="color: rgb(255, 0, 0);"> Sign in </span><span class="style5">เ</span></span><span class="style5">ข</span>้า <span style="color: rgb(51, 0, 255);">Gmail </span>ที่ <a href="ttp://mail.google.com">http://mail.google.com </a></div> </li><li class="style1"> <div align="left">จะเห็นได้ว่า Gmail ที่เราเคยใช้อยู่เป็นประจำได้เพิ่มส่วนของการบริการ Chat เตรียมไว้ให้เราใช้เรียบร้อยแล้วดังรูปด้านล่างครับ </div> </li></ul> <p class="style1" align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/chat_gmail/image002.jpg" width="500" height="341" /><br /> <span style="color: rgb(204, 102, 0);">จากรูปอธิบายการทำงานดังนี้ครับ</span> </p> <p class="style1" align="left"><span class="style8"><strong><span style="color: rgb(0, 102, 255);">1. Chat History </span></strong></span> เป็นส่วนที่เก็บบันทึกถ้อยคำการพูดคุยกับเพื่อนๆ ในลิสต์ ซึ่งเราสามารถเข้ามาอ่านย้อนหลังได้ครับ </p> <p class="style1" align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/chat_gmail/image004.jpg" width="250" height="245" /></p> <p class="style1" align="left"><span class="style8"><span style="color: rgb(0, 102, 255);"><strong>2. Quick Contact</strong> </span></span>จะแสดงลีสต์รายชื่อเพื่อนๆ จาก Google Talk ครับ </p> <ul><li class="style1"> <div align="left">ก่อนอื่นผู้ใช้จะต้องทำการ <span class="style15"><span style="color: rgb(255, 0, 0);">Sign in</span></span> เสียก่อนครับ </div> </li></ul> <p class="style1" align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/chat_gmail/image006.jpg" width="126" height="264" /></p> <ul><li class="style1"> <div align="left">จากนั้นก็จะแสดงรายชื่อเพื่อนๆ ทั้งหมดที่เราเคยคุยอยู่เป็นประจำ ซึ่งเราสามารถที่จะ ดับเบิ้ลคลิก ไปยังรายชื่อในลีสต์ของคนที่ออนไลน์<span class="style16"><span style="color: rgb(51, 153, 0);"> (ไอคอนสีเขียว)</span></span> เพื่อ Chat ได้เลยทันทีครับ </div> </li></ul> <p class="style1" align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/chat_gmail/image008.jpg" width="148" height="205" /></p> <p class="style1" align="left"><strong class="style8"><span style="color: rgb(0, 102, 255);">3. กล่องสนทนา </span></strong> เป็นส่วนที่เราสามารถที่จะพิมพ์คำพูดคุยได้ทันทีครับ </p> <p class="style1" align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/chat_gmail/image009.jpg" width="250" height="211" /></p> <p class="style1" align="left"><span class="style8"><strong><span style="color: rgb(0, 102, 255);">4. Pop-out </span></strong></span> เมื่อต้องการขยายหน้าต่างสนทนาให้ใหญ่ขึ้น </p> <p class="style1" align="center"><img src="http://www.bcoms.net/software/chat_gmail/image010.jpg" width="300" height="303" /></p> </td> </tr> </tbody> </table> <br /> ข้อมูลโดย oRaNgE sMaLL FiSh จาก <a href="http://www.kapook.com/" target="_blank">.kapook.com</a><br /><br /> <a href="http://kampongduku.igetweb.com">โดย ทีมงานกัมปงดูกู</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-23772283120319367082010-01-23T01:08:00.000-08:002010-01-23T01:11:52.697-08:00ทำความสะอาดจอ LCD CTR Note book<h1 class="fl" id="subject_tpc">ทำความสะอาดจอ LCD CTR Note book</h1> <div class="tpc_content"> <div style="margin: 5px;" id="att_4"> รูปภาพ:<br /><img src="http://www.tip-trick.com/attachment/19_1_84b30fec8b62e55.jpg" onclick="" />=1000) window.open('http://www.tip-trick.com/attachment/19_1_84b30fec8b62e55.jpg');" onload="if(this.width>'1000')this.width='1000';if(this.height>'700')this.height='700';" border="0"> </div> <div class="f14" id="read_tpc">ประการ แรกคือเราไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้มือสัมผัสหน้าจอโดยตรง ไม่ว่า LCD หรือ โน๊ตบุคเนื่องจากโครงสร้างของจอภาพประกอบด้วยชั้นแก้วบางๆ ผลึกคริสตัลเหลว และชั้นโพลาไลซ์กรองแสง ทำให้จอ LCD เป็นจอภาพที่ค่อนข้างบอบบางต่อการกระทบกระเทือน และแรงกด จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือหรือของแข็ง<br /><br /><br />วิธีทำความสะอาดจอภาพ LCD หรือว่า จอโน๊ตบุค จะคล้ายการทำความสะอาดจอ CTR คือไม่ควรใช้น้ำยาที่มีทินเนอร์หรือ แอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนประกอบหลัก เนื่องจากจะทำลายสารเคลือบผิวบนหน้า่จอได้ สำหรับจอภาพ LCD อาจจะต้องระวังเรื่องการใช้น้ำทำความสะอาดด้วย ดังนั้น หนทางทีแนะนำคือการหาซื้อผ้าและน้ำยาที่ใช้ในการทำความสะอาด ตามร้านค้า ศูนย์คอมพิวเตอร์ทั่วไป เช่นผ้าไมโครไฟเบอร์ ของ 3M ที่ราคาราว 100 บาท มาเช็ดหน้าจอเบาๆ โดยไปในทิศทางเดียวกัน อย่าเช็ดหมุนวน จะทำให้เิกดรอย เพียงเท่านี้จอภาพก็ดูสดใสขึ้นแล้ว<br /><br />-เพื่อความปลอดภัยควรปิดเครื่องก่อนทำการเช็ดนะครับ<br /><br />-อย่าฉีดน้ำยาใส่จอภาพโดยตรงควรฉีดที่ผ้าแล้วค่อยเช็ด<br /><br />-ทางที่ดีอ่านคำเตือนในฉลาก ก่อนใช้น้ำยา<br /><br />อ้างอิงจาก tip-trick.com<br /><br /> <a href="http://kampongduku.igetweb.com">โดย ทีมงานกัมปงดูกู</a><br /></div></div>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-66293834249843605952010-01-15T05:38:00.000-08:002010-01-15T05:41:15.664-08:00Windows ค้าง ทำงัยดีคอมพิวเตอร์ค้าง หรือ Windows แฮ้งค์ กดปุ่มอะไรก็ไม่ได้เลย ถือว่าเป็นปัญหายอดฮิตอย่างหนึ่ง ที่หลายๆคน ไม่ต้องการพบ แต่ (ไม่) สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าเรารู้จักการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราให้ถูกวิธี ปัญหาหานี้สามารถลดได้แน่นอนครับ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดปัญหานี้จะแก้ไขอย่างไร<br /><br />วิธีแก้ไขปัญหา คอมพิวเตอร์ค้าง<br /><br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S1BwTGdSZ7I/AAAAAAAAAGc/CkyeXgXQjeQ/s1600-h/find_on_webpage.jpg"><img style="WIDTH: 284px; HEIGHT: 320px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5426961024434726834" border="0" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S1BwTGdSZ7I/AAAAAAAAAGc/CkyeXgXQjeQ/s320/find_on_webpage.jpg" /></a><br /><br />1.ลองกดปุม Ctrl + Alt + Del ทั้ง 3 ปุ่ม พร้อมกัน เราจะพบหน้าต่าง "Task Manager" ให้สังเกตแท็ป "Applications" ถ้ามีโปรแกรมใด โปรแกรมหนึ่งมี "Status" Non Response" ให้คลิกเลือกโปรแกรมนั้นๆ และคลิกปุ่ม "End Task"<br />2.ถ้าไม่มีเลย กดปุ่ม Ctrl + Alt + Del ไม่ได้ มีทางเดียวคือ การกดปุ่ม (Power) ปิด ค้างไว้ จนกระทั่ง Windows Shutdown ลงเอง จากนั้นให้ให้รอสักครู่ และเริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่อีกครั้ง<br />ขอให้โชคดีน่ะครับkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-13456667494045384612010-01-15T05:25:00.000-08:002010-01-15T05:31:00.304-08:00เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับคอมฯผ่าน BlueTooth<div><a href="http://4.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S1BtKsLTeOI/AAAAAAAAAGM/NTl0D8UHWpY/s1600-h/find_on_webpage.jpg"></a><br /><br />โอนย้ายข้อมูลด้วย BlueTooth เรื่องง่าย แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด<br />หลายๆ คนอาจเคยประสบปัญหา ไม่สามารถโอนย้ายข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือไปยังคอมพิวเตอร์ โดยผ่าน BlueTooth ได้ ทั้งนี้ที่เปิด BlueTooth ไว้แล้ว ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ ทำไมมองไม่เห็นซึ่งกันและกัน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มีเทคนิคอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า มีครับ! ตอนแรกผมก็ไม่สามารถโอนย้ายได้เช่นกัน ต้องลองหลายๆ วิธีจนกระทั่งพบวิธีที่คิดว่าดีที่สุด ใครอยากรู้ต้องอ่านวิธีทำด้านล่างดูกันเอาเองน่ะครับ<br /><br /><br /><br />การโอนย้ายข้อมูลแบ่งออกได้ 2 อย่าง<br />1.โอนย้ายจากคอมพิวเตอร์เข้าโทรศัพท์มือถือ (PC to Mobile)<br />2.โอนย้ายจากโทรศัพท์มือถือเข้าสู่คอมพิวเตอร์ (Mobile to PC)<br />การติดตั้ง BlueTooth ในคอมพิวเตอร์<br />สำหรับคอมพิวเตอร์ Notebook ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักมี BlueTooth แถมมาให้ด้วยอยู่แล้ว แต่สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือ Desktop ส่วนใหญ่มักไม่มี?แต่ถ้าคุณต้องการติดตั้ง BlueTooth แนะนำให้หาซื้อ USB Bluetooth มาติดตั้ง ติดตั้งง่ายๆ เพียงแค่เสียบใน port USB Windows ก็จะทำการติดตั้งโปรแกรมให้อัตโนม้ติ แต่ถ้าไม่ได้ให้ใช้แผ่น CD/DVD ที่ให้มาพร้อมกับ USB BlueTooth ติดตั้งแทน<br /><br />เริ่มต้นการเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์<br />1.เปิด BlueTooth ที่โทรศัพท์มือถือ<br />2.ที่คอมพิวเตอร์ ให้เข้าไปที่ Control Panel และคลิกเลือก BlueTooth<br />3.จะได้หน้าตา BlueTooth Device ให้คลิกแท็ป Options<br />4.เลือก "Turn discovery on" คลิกปุ่ม Apply และ OK เพื่อยืนยัน<br /><br /><br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S1BtEHpOR9I/AAAAAAAAAGE/2gzfskJJBzU/s1600-h/find_on_webpage.jpg"><img style="WIDTH: 261px; HEIGHT: 320px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5426957468520302546" border="0" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S1BtEHpOR9I/AAAAAAAAAGE/2gzfskJJBzU/s320/find_on_webpage.jpg" /></a><br /><br /><br /><br />5.จากนั้นให้คลิกแท็ป Device และคลิก Add<br />6.คลิก Next จากนั้น ให้คลิกถูกหน้าข้อความ "My device is set up and ready to be found."<br />7.คลิก Next เพื่อเริ่มตรวจสอบหา BlueTooth<br />8.หลังจากค้นพบแล้ว ให้คลิกเลือก และคลิก Next<br />9.โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างให้ใส่รหัสผ่าน (Passkey) เลือก "Choose a passkey for me" คลิก Next<br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S1BtfM3m4TI/AAAAAAAAAGU/S8jdxVShzGQ/s1600-h/find_on_webpage.jpg"><img style="WIDTH: 300px; HEIGHT: 234px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5426957933779280178" border="0" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S1BtfM3m4TI/AAAAAAAAAGU/S8jdxVShzGQ/s320/find_on_webpage.jpg" /></a><br /><br /><br />10.โปรแกรมจะแสดง Passkey จากนั้นให้นำ Passkey นี้ ไปใส่ในโทรศัพท์มือถือ<br />11.รอสักครู่ ที่หน้าจอคอมฯ จะเริ่มติดต่อกับโทรศัพท์มือถือ<br />12.หลังจากติดต่อได้แล้ว ที่หน้าจอของ BlueTooth Device จะแสดงชื่อโทรศัพท์มือถือ และแจ้งว่า "Passkey enabled"<br />13.เสร็จแล้วครับ สำหรับการเชื่อมต่อ<br />วิธีโอนย้ายจากคอมพิวเตอร์เข้าโทรศัพท์มือถือ (PC to Mobile)<br />1.ให้คลิกไฟล์ภาพหรือเพลง จากนั้นคลิกขวาเลือก Send to เลือก BlueTooth Device<br />2.จะพบหน้าตา BlueTooth File Transfer Wizard ให้คลิก Next<br />3.กลับมาที่ โทรศัพท์มือถือ ให้คลิก Yes เพื่อ "Accept"<br />4.รอสักครู่ จนกระทั่งโอนไฟล์เสร็จ<br />5.ที่หน้าจอ โทรศัพท์มือถือ จะแสดงข้อความให้ View หรือ Play ขึ้นกับประเภทของไฟล์ที่โอนมา<br />โอนย้ายจากโทรศัพท์มือถือเข้าสู่คอมพิวเตอร์ (Mobile to PC)<br />1.ก่อนอื่น ให้ไปที่คอมพิวเตอร์ให้คลิกขวาที่ไอคอน BlueTooth<br />2.คลิกเลือก Receive a File (เพื่อรอการรับไฟล์จากโทรศัพท์มือถือ)<br />3.กลับมาที่โทรศัพท์มือถือ เลือกไฟล์รูปภาพ หรือเพลง จากนั้นคลิกเลือก Send<br />4.เลือก BlueTooth<br />5.หน้าจอโทรศัพท์มือถือจะแสดง ชื่อคอมพิวเตอร์ให้คลิกเลือกและคลิก Send<br />6.รอจนกระทั่งเสร็จ<br />ต้องลองกันดูน่ะครับ ถึงจะเห็นปัญหา และรายละเอียดของขั้นตอนต่างๆ แต่คิดว่าคงไม่ยากเกินไปน่ะครับ.. </div><div> </div><div>credit it-guides</div><div> </div><div><a href="http://kampongduku.igetweb.com/">http://kampongduku.igetweb.com</a> </div>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-77239714350816013802010-01-14T02:43:00.000-08:002010-01-14T02:47:36.330-08:00ฟรีแอนตี้ไวรัสแบบไม่มีลิมิต<strong><span style="font-family:times new roman;font-size:130%;color:#33ccff;">ถ้าพูดถึงฟรีโปรแกรม Anti-virus ต้องพูดถึง ClamWin</span></strong><br /><br /><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S071yipnruI/AAAAAAAAAF8/SZNLCX8tjvM/s1600-h/clamwin_antivirus.jpg"><img style="WIDTH: 300px; HEIGHT: 231px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5426544849671663330" border="0" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S071yipnruI/AAAAAAAAAF8/SZNLCX8tjvM/s320/clamwin_antivirus.jpg" /></a><br /><br /><strong><span style="font-family:Times New Roman;font-size:130%;color:#33ccff;"></span></strong><br />เนื่องด้วยโปรแกรม ClamWin Antivirus เป็นฟร๊โปรแกรมประเภท Open Source ซึ่งหมายความว่า เราสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพของโปรแกรม และใช้งานได้ฟรีแบบไม่มีลิมิต ไม่จำเป็นต้อง Register ใดๆ ทั้งสิ้น แค่เพียง download และติดตั้งโปรแกรมมาใช้งานเท่านั้น<br /><br />•สนใจ <span style="color:#ff0000;"><a href="http://www.clamwin.com/">download ClamWin</a></span> ได้ฟรี ขนาดไฟล์ประมาณ 26.5 MB<br />ความสามารถหลักของโปรแกรม ClamWin<br />•ป้องกันและกำจัดไวรัสและสปายแวร์ในตัวเดียวกัน<br />•ตั้งเวลาในการ scan ได้<br />•อัปเดทโปรแกรมและฐานข้อมูลไวรัสแบบอัตโนม้ติ<br />•รองรับการตรวจสอบไวรัสที่ควบคู่ไปกับ Windows Explorer (สามารถคลิกขวา เลือก scan ได้)<br />•สามารถเชื่อมเข้ากับ Microsoft Outlook เพื่อสั่ง scan ได้<br />โปรแกรมนี้เป็นฟรีโปรแกรมกำจัดไวรัส และสปายแวร์ ที่ใช้งานได้ดีระดับหนึ่ง แต่โปรแกรมอัปเดทอาจไม่เร็วเท่ากันโปรแกรมเสียเงินอื่นๆ น่ะครับ<br /><br />CreDit bY it-guides.com<br /><br /><a href="http://kampongduku.igetweb.com/">http://kampongduku.igetweb.com</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-90242938999352040712010-01-13T22:41:00.000-08:002010-01-13T22:47:28.034-08:00ฟรีแอนตี้ไวรัส 10 อันดับแรก<p>เพื่อให้ง่ายในการเลือกใช้โปรแกรมฟรี สำหรับการตรวจสอบ กำจัดไวรัส เรามีข้อมูลจากเว็บไซต์ Download.com ซึ่งเป็นของในนามบริษัท CBS Interactive Inc. หรือที่เรารู้จักกันในนาม cnet ข้อมูลนี้เราคัดเฉพาะเป็นฟรีโปรแกรมกำจัดไวรัส เท่านั้น ไม่รวมถึง ไฟล์ที่ใช้สำหรับการ update โปรแกรม anti-virus น่ะครับ</p> <h3>Top 10 Download Free Antivirus </h3> <ol><li><a href="http://free.avg.com/ww-en/download" target="_blank" title="AVG Antivirus Free"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">AVG Antivirus F</span></a><a href="http://free.avg.com/ww-en/download" target="_blank" title="AVG Antivirus Free"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">ree Edition</span></a> <a href="http://www.clickmeit.com/anti-virus-anti-spyware/why-avg-anti-virus-free-edition/" target="_blank" title="AVG Antivirus Free"><span style="color: rgb(139, 184, 56);"></span></a>- อันดับหนึ่งมานานมาก !! </li><li><a href="http://www.clickmeit.com/anti-virus-anti-spyware/free-antivirus-software-with-spyware-protection/" target="_blank" title="Avast Home Edition"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">Avast Home Edition</span></a> - ตัวนี้ก็ลองใช้แล้ว น่าสนใจมาก แต่ต้อง register ได้ฟรี 1 ปี </li><li><a href="http://www.clickmeit.com/anti-virus-anti-spyware/avira-antivir-personal-free-antivirus/" target="_blank" title="Avira AntiVir"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">Avira AntiVir Personal Free Edition</span></a> - ดี แต่มี pop up โฆษณา ขนาดใหญ่ </li><li><a href="http://www.clickmeit.com/anti-virus-anti-spyware/pc-tools-antivirus-free-edition/" target="_blank" title="PC Tools Antivirus"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">P</span></a><a>C Tools AntiVirus Free Edition</a> - เคยใช้ได้ดี </li><li><a href="http://www.clickmeit.com/anti-virus-anti-spyware/a-squared-free-2-engines-virus-scanner/" target="_blank" title="A-squared Free"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">A-squared Free</span></a> </li><li><a href="http://www.clickmeit.com/anti-virus-anti-spyware/more-security-with-threatfire/" target="_blank" title="ThreatFire Antivirus"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">ThreatFire AntiVirus Free Edition</span></a> </li><li><a href="http://download.cnet.com/Avast-Virus-Cleaner-Tool/3000-2239_4-10223809.html?tag=mncol" target="_blank" title="Avast Antivirus Cleaner Tool"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">Avast Antivirus Cleaner Tool</span></a> </li><li><a href="http://download.cnet.com/Multi-Virus-Cleaner-2009/3000-2239_4-10398550.html?tag=mncol" target="_blank" title="Multi Virus Cleaner"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">Multi Virus Cleaner 2008</span></a> </li><li><a href="http://download.cnet.com/Rising-Antivirus-2009-Free-Edition/3000-2239_4-10674783.html?tag=mncol" target="_blank" title="Rising Antivirus Free "><span style="color: rgb(139, 184, 56);">Rising Antivirus Free Edition</span></a> </li><li><a href="http://download.cnet.com/EAV-Antivirus-Suite-Free-Edition/3000-2239_4-10358025.html?tag=mncol" target="_blank" title="EAV Antivirus Suite Free"><span style="color: rgb(139, 184, 56);">EAV Antivirus Suite Free Edition</span></a> </li></ol> <p>ที่ว่า download มากๆ นั้นหมายถึง อยู่ในระดับ 100 ล้านครั้งเลยทีเดียว อย่างนี้ สำหรับคนชอบใช้ของฟรี คงช่วยได้มากเลย ใช่ไหมครับ<br /><span style="font-weight: bold;"></span></p><p><span style="font-weight: bold;">คำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกใช้ Free Antivirus</span></p> <ol><li>ความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้จากจำนวนที่มีผู้ download </li><li>ความรวดเร็วในการอัปเดท เนื่องจากไวรัสมีการอัปเดทตลอดเวลาเช่นกัน ดังนั้น โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีก็ควรอัปเดทอย่างสม่ำเสมอด้วย อย่างน้อย 1-2 วันครั้ง และน้อยที่สุดควรอัปเดทสัปดาห์ละครั้ง</li><li>เลือกที่เป็น Freeware ไม่ใช่ Shareware เพราะ Freeware สามารถใช้งานได้ฟรี ไม่มีกำหนด</li><li>โปรแกรมที่ดี ควรสามารถอัปเดทโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้อัตโนมัติ</li><li>โปรแกรมที่ดี ควรสามารถสั่ง Scan แบบอัตโนมัติ หรือตั้งเวลา Scan ได้ด้วย</li><li>และที่เป็นพื้นที่ฐานที่ต้องมี ต้องสามารถ Scan และกำจัดไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ด้วย</li></ol>Credit it-guides.comkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-66213707883700805342010-01-13T22:36:00.000-08:002010-01-13T22:41:04.756-08:00รู้หรือไม่ว่า ICQ คืออะไร<h3>ICQ คืออะไร</h3> <p>สำหรับคนรุ่นใหม่ผู้ใช้งาน Instant Messaging หรือ IM คงอาจไม่รู้จัก ICQ ผู้นำ IM ในยุคแรกๆ ปัจจุบัน ICQ ยังเป็นอีกหนึ่งฟรี IM ที่ยังคงผุ้ใช้งานมากพอสมควร ถึงแม้จะไม่ดังเท่า MSN, Yahoo IM ก็ตาม แต่ถ้าเราลองมาเปรียบเทียบ ความสามารถแบบตัวต่อตัว หรือ Features ต่อ Features ผมก็ยังเห็นว่า ICQ กินขาด เพราะ ICQ ยังมีความสามารถมากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นเรือง การส่งเสียง (Voice) หรือวีดีโอ (Video Chat) รวมทั้งสามรถเล่นเกมส์ (Game Center) เตือนวันเกิด และอื่นๆ อีกมากมาย</p> <h3>ICQ - More than IM</h3><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S068PqX5jSI/AAAAAAAAAFQ/15Q2pqlu5-8/s1600-h/icq_im.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 320px; height: 312px;" src="http://4.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S068PqX5jSI/AAAAAAAAAFQ/15Q2pqlu5-8/s320/icq_im.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5426481578286615842" border="0" /></a><br /><br /><ul><li>สนใจ <a href="http://www.icq.com/" target="_blank" title="Download ICQ IM"><span style="font-weight: bold;">D</span>ownloa<span style="font-weight: bold;">D</span> ICQ</a> ขนาดไฟล์ 16.15 MB</li><li>รองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP/Vista</li></ul> แค่หน้าตาของโปรแกรมก็กินขาดอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องความสามารถก็ไม่ได้เป็นรองโปรแกรม IM ทั่วไปเลย ถ้าสนใจก็สามารถ download ไปทดลองเล่นกันได้เลยครับ สำหรับความสามารถอื่นๆ ทีน่าสนใจ ได้แก่ การรองรับการทำงานในส่วนของโปรแกรมเสริม เช่น ฟังเพลง, เกมส์, Gadgets รวมทั้งเครื่องมืออื่นๆ เป็นต้นkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-33092255760226430462010-01-13T22:32:00.000-08:002010-01-13T22:38:41.734-08:00<span style="font-weight: bold;">ตั้งเวลาในการเปิดปิดเครื่องคอมฯ</span><br /><span style="font-weight: bold;"><br />โปรแกรม Utility เล็กๆ ที่น่าสนใจ</span> <p>สำหรับใครที่ต้องการเครื่องมือขนาดเล็กในการจัดการคอมพิวเตอร์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเปิด หรือปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ สั้งล็อคหน้าจอ หรือแม้กระทั่งสั่งยกเลิการเชื่อมต่อโมเด็ม ก็สามารถทำได้ด้วยโปรแกรมที่กำลังจะแนะนำนี้ โปรแกรมนี้มีชื่อเข้าใจง่ายๆ ว่า "Switch Off" โปรแรกมนี้สามารถสั่งยกเลิกการทำงานที่เรากำหนดแบบชั่วคราวได้ด้วย ง่ายๆ เพียงแค่คลิกเดียว</p><p>Switch Off<br /></p><p><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S067ygdbQcI/AAAAAAAAAFI/_3n6Mrm05EI/s1600-h/switchoff_utility.gif"><img style="cursor: pointer; width: 320px; height: 256px;" src="http://2.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S067ygdbQcI/AAAAAAAAAFI/_3n6Mrm05EI/s320/switchoff_utility.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5426481077409235394" border="0" /></a></p> สนใจ<a href="http://www.airytec.com/en/switch-off/get.aspx" target="_blank" title="Download Switch Off Utility"> Download Siwtch O</a><a href="http://www.airytec.com/en/switch-off/get.aspx" target="_blank" title="Download Switch Off Utility">ff </a>ขนาดไฟล์ 172 KB<br /> รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 2000/XP/2003/Vista/2008/2008 R2/7 <h3>ความสามารถหลักของโปรแกรม Switch Off</h3> <ul><li>ติดเวลาเปิด-ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์</li><li>สั่งได้ทุกรูปแบบของ Windows ตั้งแต่ Shutdown, Restart, Lock Off, Sleep, Hibernate</li><li>รองรับการยกเลิกการเชื่อมต่อโมเด็ม</li><li>รองรับการสั่งการเป็นรายวัน เวลาใดก็ได้</li></ul>CrEdIt By it-guides.comkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-90763326103778988402010-01-13T22:26:00.000-08:002010-01-13T22:31:55.541-08:00ฺBittorrent คืออะไรฺ<span style="color: rgb(102, 0, 0); font-weight: bold;"><span style="color: rgb(102, 255, 255);">Bittorrent คืออะไร</span><br /><br /></span>มารู้จักกับคำว่า Bittorrent กันเถิด<br />Bittorrent เป็นวิธีการอย่างหนึ่งในการแลกเปลี่ยน หรือแบ่งปันไฟล์ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือเน็ตเวิร์ค ทำให้เราสามารถ download ไฟล์ทีมีขนาดใหญ่มากๆ ด้วยความเร็วที่สูงมากว่าปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงประเภท ADSL ก็ทำให้การ download ไฟล์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การ download ไฟล์ในรูปแบบ Torrent นี้ จะใช้เทคนิคในการแบ่งไฟล์ออกเป็นไฟล์ย่อยๆ และ download มาต่อกันอีกที สำหรับไฟล์ที่มีแบ่งปันกันมากได้แก่ MP3, Video, PDF, โปรแกรมไฟล์ และไฟล์รูปภาพประเภทต่างๆ เป็นต้น<br /><span style="font-weight: bold;"><br />ไฟล์นามสกุล .Torrent</span><br /><br />การ download ในรูปแบบของ Bittorrent จะต้องใช้โปรแกรมช่วยในการ download โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น Utorrent, Bitcomet, Bittorrent เป็นต้น ส่วนไฟล์ที่ใช้สำหรับเก็บค่าต่างๆ ที่ใช้สำหรับการ download จะมีไฟล์นามสกุล .Torrent นั่นเอง<span style="font-weight: bold;">วิธีการ download ไฟล์ในรูปแบบ Bittorrent</span> <ol><li>ติดตั้งโปรแกรมที่ช่วยในการ download ตัวอย่างเช่น Utorrent, Bitcomet, Bittorrent เป็นต้น</li><li>ค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่ให้บริการ download Bittorrent </li><li>เลือกไฟล์ที่ต้องการ download ซึ่งไฟล์ที่เรา download มาจะมีไฟล์ขนาดเล็กมากๆ และมีนามสกุล .Torrent</li><li>จากนั้นโปรแกรมที่ช่วย download ไฟล์ Bittorrent จะทำการ download ไฟล์ต้นฉบับอีกครั้ง</li><li>รอจนกระทั่ง download เสร็จ</li></ol> <p>ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้บริการ download Bittorrent</p> <ul><li><a href="http://www.mininova.org/">http://www.mininova.org/</a> </li><li><a href="http://torrentportal.com/">http://torrentportal.com/</a></li><li><a href="http://www.torrentroom.com/">http://www.torrentroom.com/</a></li></ul> CRedit by it-guides.comkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-298607202103581652010-01-13T06:13:00.000-08:002010-01-13T06:14:57.859-08:00วิธีแก้ปัญหา Thumb driveFlash Drive ไม่ทำงาน ทำอย่างไรดี<br />บางคนอาจเรียกว่า Thumb Drive ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบน่ะครับ แต่อย่างไรก็ตาม Flash Drive หรือ Thumb Drive ก็เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการโอนย้ายข้อมูลที่สะดวมากตัวหนึ่ง ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่ใช้งาน Flash Drive แล้วปรากฏว่าวันหนึ่ง หลังจากเสียบ Flash Drive ในช่อง USB แล้วโปรแกรมแจ้งว่าไม่ทำงาน หรือไม่แสดง Drive จะทำอย่างไรดี อย่าเพิ่งตกใจ เรามีวิธีเบื้องต้นในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา ดังนี้<br /><br /> <br /><br />•ลองเปลี่ยน USB Port ที่เสียบดูว่า ทำงานกับช่องอื่นๆ (port อื่นๆ) ได้หรือไม่<br />•ลองนำ Flash Drive นี้ไปใช้งานกับคอมฯ เครื่องอื่นๆ ดู ว่าทำงานหรือไม่<br />ถ้าปรากฏว่าเครื่องคอมฯ อื่นๆ สามารถใช้งาน Flash Drive ของคุณได้ แนะนำให้ตรวจเช็คเครื่องคอมฯ ของคุณดังนี้<br /><br />1.การเชื่อมต่อ Flash Drive คุณมีการใช้สาย USB ช่วยในการเชื่อมต่อหรือไม่ เพราะ USB Flash Drive มีเวอร์ชั่นที่เป็น 1.1 และ 2.0 ดังนั้น ถ้าคุณใช้สายไม่ถูกเวอร์ชั่น ก็อาจมีปัญหาได้ ให้ทดลองเปลี่ยนสายดู หรืออาจต่อโดยตรงเข้ากับ USB Port ได้ทันที<br />2.ตรวจสอบจาก Device Manager ของ Windows <br />1.ให้คลิกขวาที่ My Computer เลือก Properties <br />2.คลิกเลือกแท็ป Hardware <br />3.คลิกเลือก Device Manager <br />4.ดูหัวข้อด้านล่าง "Universal Serial Bus Controllers" ดูว่ามีรายการไหนขึ้นเครื่องหมายคำถามสีเหลือง หรือมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ถ้ามี คุณจำเป็นต้องติดตั้ง driver ของ USB ใหม่ <br />5.ทางที่ดีแนะนำให้ reinstall USB Driver เลยจะดีกว่า<br />ปัญหาอาจมาจากไวรัสบน Flash Drive<br />อีกวิธีที่หนึ่งที่เคยแก้ปัญหาได้ คือการติดตั้งโปรแกรม CPE17 (ฟรีโปรแกรมแก้ไขปัญหาไวรัส Autorun) จากนั้นลองเสียบ Flash Drive เข้าไปใหม่ โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและแก้จัดไวรัส Autorun ให้ หลังจากนั้นถ้ามองเห็น USB Flash Drive แล้ว ให้รีบสั่งรันโปรแกรม Antivirus ที่ Flash Drive อีกครั้ง<br /><br />ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ CPE17 เพิ่มเติมkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-91460388952410376852010-01-12T09:48:00.000-08:002010-01-12T09:54:22.452-08:00สำหรับผู้ใช้งาน USB โดยเฉพาะ<br /><br />ถ้าคุณเป็นอีกผู้หนึ่งที่ห่วงกังวลกับข้อมูลที่คุณเก็บไว้ใน (USB) Flash Drive ไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ ไฟล์งาน ข้อมูส่วนตัว กลัวว่าถ้าทำหล่นแล้ว ข้อมูลจะถูกแอบนำไปใช้งาน หรือถ้าใครชอบเก็บคลิปไว้ละก็ ยิ่งน่าเป็นห่วง ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยฟรีโปรแกรม USB SafeGuard ไม่ต้องติดตั้ง เพียงแค่ download มา เวลาใช้งานก็ดับเบิลคลิกเพื่อเปิดโปรแกรม จากนั้นก็ใส่ Password ก็เริ่มใช้งานได้ทันที<br /><br /><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S0y2iUpmrwI/AAAAAAAAAE4/B5XRGzO4GIo/s1600-h/find_on_webpage.jpg"><img style="WIDTH: 71px; HEIGHT: 84px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5425912351849623298" border="0" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S0y2iUpmrwI/AAAAAAAAAE4/B5XRGzO4GIo/s320/find_on_webpage.jpg" /></a><br /><br /><br />USB SafeGuard•สนใจดาวน์โหลดได้เลยครับ <a href="http://usbsafeguard.altervista.org/download.html">http://usbsafeguard.altervista.org/download.html</a> ขนาดไฟล์ 736 KB<br />•รองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP/Vista/7<br />วิธีการใช้งาน USB SafeGuard<br /><br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S0y2wn9oAVI/AAAAAAAAAFA/T-n_OuXudb0/s1600-h/find_on_webpage.jpg"><img style="WIDTH: 320px; HEIGHT: 130px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5425912597552038226" border="0" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S0y2wn9oAVI/AAAAAAAAAFA/T-n_OuXudb0/s320/find_on_webpage.jpg" /></a><br /><br />1.Download โปรแกรมจากลิงค์ด้านบน<br />2.copy ไฟล์ที่ได้ไปเก็บบน Flash Drive<br />3.copy ไฟล์ที่ต้องการปกป้องไว้บน Flash Drive ก่อนด้วย<br />4.ดับเบิลคลิกไฟล์โปรแกรม (usbsafeguard.exe)<br />5.ใส่รหัสผ่านสองครั้ง (จำไว้ให้แม่น)<br />6.ลากไฟล์ (ที่อยู่ใน Flash Drive) มาใส่ในที่หน้าต่าง "Encrypted Files" ไฟล์ที่ถูกลากเข้ามาก็จะถูกการป้องกันไว้แล้ว<br />7.คลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยัน<br />8.เวลาต้องการนำไฟล์กลับมาใช้งาน ก็เพียงดับเบิลคลิกที่โปรแกรม<br />9.ใส่รหัสผ่านที่สร้างไว้<br />10.เลือกไฟล์ที่ต้องการ หรือทั้งหมด<br />11.กดปุ่ม Decrypt/Decrypt All<br />12.ไฟล์จะถูกย้ายกลับมาในโฟลเดอร์ปกติบน Flash Drive<br />แค่นี้ก็ทำให้ข้อมูลสำคัญของคุณ ยังคงเป็นความลับต่อไป ถ้า Flash Drive ของคุณสูญหายไปโดยไม่ได้ตั้งใจkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-61512263498025723992010-01-12T09:32:00.000-08:002010-01-12T09:47:05.282-08:00วิธีค้นหาข้อมูลบนหน้าเว็บได้ไวในพริบตาถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มักค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์บ่อยๆ เรียกว่าใช้งานเป็นรายวันเลยก็ได้ คุณเคยประสบปัญหานี้หรือไม่ เวลาเราค้นหาข้อมูลอะไรสักอย่างหนึ่งในหน้าเว็บที่เราสนใจ บางครั้งหน้าเว็บนั้นๆ มีข้อความเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี การจะเริ่มต้นอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกก็ดูจะเสียเวลา วันนี้ผมมีทิปง่ายๆ ในการค้นหาข้อความบนเว็บให้เจอได้ไว้ในพริ่บตา ด้วยคำสั่ง "Find"<br /><br />วิธีใช้คำสั่ง "Find"<br /><br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S0yyyetPW7I/AAAAAAAAAEw/a0u4lGXA07g/s1600-h/find_on_webpage.jpg"><img style="WIDTH: 320px; HEIGHT: 115px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5425908231380622258" border="0" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_8GLUYE1tnjU/S0yyyetPW7I/AAAAAAAAAEw/a0u4lGXA07g/s320/find_on_webpage.jpg" /></a><br /><br />1.เปิดไปยังหน้าเว็บที่ต้องการ<br />2.กดปุ่ม Ctrl + F<br />3.จะมีหน้า "Find" แสดงให้เห็น<br />4.พิมพ์ข้อความที่ต้องการค้นหา เช่น "คอมพิวเตอร์" เป็นต้น<br />5.กดปุ่ม Enter<br />6.โปรแกรมจะแสดงข้อความที่ตรงกับคำค้นหาให้ทันที<br />7.ถ้า ต้องการค้นหาคำที่เหมือนเดิมอีกครั้ง ก็สามารถกดปุ่ม Next เพื่อให้โปรแกรมค้นหาคำต่อไปได้อีกด้วย<br />ทิปเพิ่มเติมการใช้คำสั่ง Find<br /><br />คุณทราบหรือไม่ว่า คำสั่ง Ctrl + F (Find) นี้ สามารถนำไปใช้กับอีกหลายๆ โปรแกรมได้ด้วยเช่นกัน ไม่เชื่อลองไปทดสอบกับโปรแกรม Microsoft Word ดูก็ได้<br /><br />By <a href="http://kampongduku.igetweb.com/">http://kampongduku.igetweb.com/</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-5115182479393209472010-01-09T00:09:00.000-08:002010-01-12T09:37:34.674-08:00วิธีแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์เมื่อแสดงข้อความ rundll32.exeบางทีพอเรากด Property ที่เดสก์ทอป มันจะเปิดไม่ได้และมันก็บอกว่ามีปัญหาเกี่ยวกับไฟล์ที่ชื่อ<br />rundll32.exe ถ้าเจอแบบนี้เมื่อไรผมขอแนะนำให้ไปโหลดไฟล์ rundll32.exe แล้ว<br />ก็ copy ไปวางใน c:\WINDOWS\system32 และสุดท้ายก็รีสตาร์ตเครื่อง<br />รับรองเกื่อทุกปัญหาที่เกี่ยวกับ rundll32.exe จะหมดไป<br /><br />หรือคุณก็เอาไฟล์ rundll.exe ที่มากับโฟลเดอร์นี้เลยก็ได้(ประหยัดเวลาตั้งเยอะ)<br />download ที่นี่ได้เลย<br /><br /><a href="http://www.4shared.com/file/115462493/ac16a678/__rundllexe_.html">http://www.4shared.com/file/115462493/ac16a678/__rundllexe_.html</a><br /><br />By <a href="http://kampongduku.igetweb.com/">http://kampongduku.igetweb.com/</a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-55444749385070663972009-12-23T23:29:00.000-08:002009-12-23T23:31:32.553-08:00มาทำให้ไฟล์ Word ของคุณเป็น PDF กันดีกว่า<div align="left"><p>เห็นถามกันมาหลายครั้ง วันนี้ก็เลยอยากมาบอกวิธีทำซึ่งง่ายมาก ๆ ด้วยโปรแกรม 602Pro PRINT PACK 2002 <a href="http://www.freedownloadscenter.com/Business/Printer_Tools/602Pro_PRINT_PACK_Download.html" target="_blank">ดาวส์โหลดโปรแกรมคลิกที่น</a>ี่ ซึ่งวิธีทำมีดังต่อไปนี้</p><p>1. หลังติดตั้งโปรแกรมเสร็จให้ Restart เครื่องใหม่ แล้วเปิดไฟล์ word ที่ต้องการแปลงขึ้นมา<br />2. แล้วคลิกที่เมนู แฟ้ม > พิมพ์ ที่ชื่อเครื่องพิมพ์ เลือกเป็น Prit2PDF 95/98/ME (XP ก็ใช้ได้นะครับ) แล้วคลิก ตกลง</p><p align="center"><img alt="." src="http://www.dcomputer.com/Proinfo/support/article/images/Word_PDF1.gif" width="543" height="383" /></p><p>3. แล้วคลิก OK (ถ้าต้องการเปลี่ยนชื่อไฟล์ก็สามารถเปลี่ยนได้ตามชอบ ที่ File name) ไฟล์ PDF ที่ได้จะอยู่ที่เดียวกับไฟล์ของ Word ครับ เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ แต่อย่าลืมทำตามรูปที่ 1 ตัวสีแดง ๆ นะครับ </p><p align="center"><img alt="." src="http://www.dcomputer.com/Proinfo/support/article/images/Word_PDF2.gif" width="309" height="550" /></p><p align="left">ขอบคุณข้อมูลจาก <a title="http://bcoms.net/" href="http://bcoms.net/" target="_blank">bcoms.net</a> <span style="font-size:85%;"></span><br /></p></div>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-10179510231886047252009-12-23T23:27:00.000-08:002009-12-23T23:28:29.781-08:00สับสน Bluetooth กับ Wi-Fiสับสน Bluetooth กับ Wi-Fi<br /><br /><br />ถาม: มือถือเครื่องใหม่ของดิฉันบอกว่า มันสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายได้ด้วยเทคโนโลยี Bluetooth ดิฉันไม่แน่ใจว่า มันเป็นพวกเดียวกับ Wi-Fi ที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมคะ? <br /><br />ตอบ: ไม่ใช่ครับ Bluetooth ไม่ใช่ Wi-Fi แต่มันคือเทคโนโลยีไร้สายที่ใช้สัญญาณวิทยุคลื่นสั้น โดยใช้สำหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือเครื่องอื่น ชุดหูฟังไร้สาย คอมพิวเตอร์ และพีดีเอกับโทรศัพท์มือถือของคุณ ซึ่ง Bluetooth บนมือถือจะสามารถเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ดีในระยะไม่เกิน 30 ฟุต สำหรับ Wi-Fi ก็เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายเหมือนกัน แต่จะมีรัศมีการใช้งานที่ไกลกว่ามาก และโดยทั่วไปจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตครับ <br /><br />ทิปจาก www.arip.co.thkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-32403680572183945322009-12-23T10:15:00.001-08:002009-12-23T10:18:58.980-08:00BAD Sector คืออะไรล่ะ<p style="color: rgb(102, 255, 255);" align="left"><strong>BAD Sector ????<br /></strong></p> <p style="color: rgb(102, 255, 255);" align="left"><span style="color: rgb(255, 0, 0);"><span style="color: rgb(255, 255, 51);">สาเหตุอาจเกิดจาก : เกิดจากพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิส เกิดความเสียหาย โดยอาจเกิดรอยที่ผิวหรือเกิดจากเศษโลหะหรือฝุ่นขนาดเล็ก เกาะที่ผิวของจานเก็บข้อมูล<br />การแก้ไข :<br />1. ทำการ Mark BAD Sector โดยใช้โปรแกรมประเภท Scandisk ทำการ Scan โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้จาก Start Menu/Programs/Accessories/System tools/Scandisk และกำหนดค่าของโปรแกรมเป็น Thorough และ Automatically fix errors และกดปุ่ม Start<br />2. หากไม่มีความจำเป็น ต้องรักษาข้อมูลบนตัวฮาร์ดดิส ควรจะทำการ Full Format ใหม่ โดย Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk แล้วใช้คำสั่ง a:/format c:/s เพื่อทำการจัดเตรียมพื้นที่ใหม่โดยโปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูลและเมื่อไม่สามารถอ่านพื้นผิวบริเวณใดก็จะระบุตำแหน่งจุดที่เสียบนพื้นผิวเพื่อที่โปรแกรม Windows จะไม่ไปใช้พื้นที่นั้นในการเก็บข้อมูล เมื่อโปรแกรมทำงานเสร็จสิ้นแล้วจะแสดงตารางแจ้งผลการทำงานหากมี Bad Sector ก็จะแสดงค่าที่เสียไปในตารางด้วย จากนั้นจึงติดตั้งโปรแกรม Windows ใหม่อีกครั้ง<br />3. ฮาร์ดดิสที่เกิด BAD Sector แล้วโดยส่วนใหญ่จะใช้งานได้อีกไม่นาน และมีโอกาสที่จะเกิดส่วนที่เสียเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นจึงควรที่จะสำรองข้อมูลไว้ในสื่ออื่นด้วยเพื่อป้องกันข้อมูลที่จะเสียหายจากการที่ไม่สามารถอ่านฮาร์ดดิสได้อีก<br /><br /></span><span style="color: rgb(255, 255, 51);">การป้องกันปัญหา : </span><br /><span style="color: rgb(255, 255, 51);">1. เพิ่มขนาดของหน่วยความจำหนักของเครื่อง(RAM) ให้มากขึ้น เช่น ในWindows 98 ควรมีหน่วยความจำอย่างน้อย 64 Mb เป็นอย่างต่ำหรือหากสามรถที่จะใส่เพิ่มมากกว่านี้ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมให้เครื่อง และเพื่อลดการใช้งานของตัวฮาร์ดดิสลงด้วย เนื่องจากโดยปกติหากเครื่องมีหน่วยความจำน้อยโปรแกรม Windows จะสร้างหน่วยความจำเสมือนขึ้น (Virtual Memory)โดยการแบ่งพื้นที่บนตัวฮาร์ดดิสไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้งานแทนหน่วยความจำหลัก และทุกครั้งที่มีการใช้งานโปรแกรมที่ต้องการหน่วยความจำมากๆ Windows ก็จะใช้งานหน่วยความจำเสมือนนี้ซึ่งก็จะเป็นการเขียนอ่านฮาร์ดดิสในตำแหน่งเดิมๆอยู่บ่อยครั้งขึ้นโอกาสที่จะเสียหายก็มีมากขึ้นนั่นเอง<br />2. ต้องทำการ Shout Down เครื่องก่อนปิดเครื่องทุกครั้ง<br />3. ควรที่จะตั้งโหมดการประหยัดพลังงานโดยการหยุดการทำงานของฮาร์ดดิสเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเช่น โดยปกติการใช้งานเครื่องอาจจะมีการเปิดโปรแกรมที่ใช้งานทิ้งไว้และไม่ค่อยได้เรียกใช้โปรแกรมอื่นอีก หรือไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสเป็นเวลาสักระยะเช่น 20 - 30 นาที หากเราตั้งโหมดการทำงานให้เครื่องหยุดการทำงานของฮาร์ดดิสลง ก็จะเป็นการลดการใช้งานฮาร์ดดิส และยืดอายุการใช้งานของฮาร์ดดิสได้ยาวนานขึ้น แต่การทำดังนี้จะมีผลเมื่อต้องการใช้งานฮาร์ดดิสเช่น เรียกโปรแกรมหรือบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิส เครื่องจะต้องใช้เวลาเริ่มหมุนจานเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิสสักระยะ(ประมาณ 10-15 วินาที)ทำให้ผู้ใช้อาจรู้สึกว่าเครื่องทำงานช้าหรือผิดปกติได้ </span><br /><br /><span style="color: rgb(51, 204, 255);">ข้อมูลจาก </span><a style="color: rgb(51, 204, 255);" href="http://www.nongkhaiweb.com/" target="_blank">www.nongkhaiweb.com</a></span></p>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-29411675596157511652009-12-23T10:14:00.001-08:002009-12-23T10:14:25.022-08:00เรื่องของ Modem<span class="h1">Modem</span> โมเด็มมาจากคำว่า MOdulator/DEModulator โดยแยกการทำงานออกเป็น Modulation คือการแปลงสัญญาณดิจิตอล จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้นทางให้กลายเป็นสัญญาณอะนาลอกแล้วส่งไปตามสายโทรศัพท์ และ Demodulation คือการเปลี่ยนจากสัญญาณอะนาลอก ที่ได้จากสายโทรศัพท์ให้กลับไปเป็นสัญญาณดิจิตอล เพื่อส่งต่อไปยัง เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง สัญญาณจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณ Digital มีแค่ 0 กับ 1 เท่านั้น เมื่อเปลี่ยนมาเป็นสัญญาณอะนาลอกอยู่ในรูปที่คล้ายกับสัญญาณไฟฟ้าของโทรศัพท์ จึงส่งไปทางสายโทรศัพท์ได้ สำหรับปัจจุบันนี้ความไวของโมเด็มจะสูงขึ้นที่ 56 Kbps ตอนแรกมีมาตรฐานออกมา 2 อย่างคือ X2 และ K56Flex ออกมาเพื่อแย่งชิงมาตรฐานกัน ทำให้สับสน ในการใช้งาน ต่อมามาตรฐานสากล ได้กำหนดออกมาเป็น V.90 เป็นการยุติความไม่แน่นอน ของการใช้งาน โมเด็มบางตัวสามารถ อัพเดทเป็น V.90 ได้ แต่บางตัวก็ไม่สามารถทำได้ สำหรับโมเด็มปัจจุบันนี้ยังมีความสามารถในการรับส่ง Fax ด้วย ความไวในการส่ง Fax จะอยู่ที่ 14.4 Kb. เท่านั้น <br /><br /><u><strong>มาตรฐานโมเด็ม </strong></u> <table class="fontnormal" width="80%" border="1" bordercolor="#c2cfd6" cellpadding="5" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td width="19%" valign="top"><strong>V. 22</strong></td> <td width="81%">โมเด็มความเร็ว 1,200 bps </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 22bis</strong></td> <td>โมเด็มความเร็ว 2,400 bps </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 32</strong></td> <td>โมเด็มความเร็ว 4,800 และ 9,600 bps </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 32bis</strong></td> <td>โมเด็มความเร็วตั้งแต่ 4,800 7,200 9,600 และ 14,400 bps</td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 32turbo</strong></td> <td>พัฒนามาจาก V. 32bis อีกทีโดยมีความเร็ว 19,200 bps และสนับสนุนการบีบอัดข้อมูล </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 34</strong></td> <td>ความเร็ว 28,800 bps </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 34bis</strong></td> <td>เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันอยู่ช่วงหนึ่ง ความเร็ว 33,600 bps ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 42</strong></td> <td>เกี่ยวกับการทำ Error Correction ในโมเด็ม ช่วยให้โมเด็มเชื่อมต่อเสถียรมากยิ่งขึ้น </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 90</strong></td> <td>เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน ความเร็วอยู่ที่ 56,000 bps </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 44</strong></td> <td>พัฒนามาจาก V. 42 และพัฒนาการบีบอัดข้อมูลจาก 4:1 เป็น 6:1 </td></tr> <tr> <td valign="top"><strong>V. 92</strong></td> <td>เพิ่มคุณสมบัติการทำงานกับชุมสายแบบ Call Waiting หรือสายเรียกซ้อน </td></tr></tbody></table> <p><br /><br /><u><strong>สามารถแบ่งการใช้งานออกได้เป็น 3 อย่างคือ </strong></u> </p><ol><li><strong>Internal </strong> </li><li><strong>External </strong> </li><li><strong>PCMCIA </strong></li></ol> <p><br /><br /><strong>Internal Modem </strong><br /><br />Internal Modem เป็นโมเด็มที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบกับสล็อตของเครื่องอาจจะเป็นแบบ ISA หรือPCI ข้อดีก็คือ ไม่เปลืองเนื้อที่ ราคาไม่แพงมากนัก ใช้ไฟเลี้ยงจาก Mainboard ข้อเสียคือ ติดตั้งยากกว่าแบบภายนอก เนื่องจากติดตั้งภายในเครื่องทำให้ใช้ไฟในเครื่องอันส่งผลให้เพิ่มความร้อน ในเครื่อง เคลื่อนย้ายได้ไมสะดวกยาก ใช้ได้เฉพาะเครื่องคอมแบบ PC เท่านั้นไม่สามารถใช้งานกับ NoteBook ได้<br /><br /><img src="http://www.bcoms.net/hardware/images/modem1.jpg" width="293" height="220" hspace="20" /><br /><br /><strong>External Modem </strong><br /><br />External Modem เป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายนอกโดยจะต่อกับ Serial Port โดยใช้หัวต่อที่เป็น DB-25 หรือ DB-9 ต่อกับ Com1, Com2 หรือ USB ข้อดีคือ สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้กับเครื่องอื่นได้ ติดตั้งได้ง่าย ไม่เพิ่มความร้อนให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากติดตั้งอยู่ภายนอกและใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอก สามารถใช้ งานกับเครื่อง NoteBook ได้เนื่องจากต่อกับ Serial Port หรือ Parallel Port มีไฟแสดง สภาวะการทำงานของโมเด็ม ข้อเสีย มีราคาค่อนข้างสูง เกิดปัญหาจากสายต่อได้ง่าย ในการเลือกใช้จึงต้องดูหลายประการเช่น ความสะดวกในการใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นรุ่นเก่า ก็ควรใช้แบบ internal และหากมีแต่ Slot ISA ก็ต้องเลือกแบบ ISA Internal หากต้องการเคลื่อนย้ายไปใช้กับ เครื่องอื่นอยู่เรื่อยก็ต้องใช้แบบภายนอก หากให้สะดวกก็ควรเป็น แบบ Internal ครับจะได้ความไวที่ โดยมากจะสูงกว่าแบบภายนอก มีปัจจัยหลายอย่างในการเลือกต้องดูด้วยว่า ISP (Internet Service Provider) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่คุณใช้นั้นรองรับ มาตรฐาน V.90 ข้อเสียของโมเด็มรุ่นใหม่ ๆ ที่มีราคาถูกที่เป็น Internal PCI คือผู้ผลิดเขาจะตัดชิพที่ ทำหน้าที่ ตรวจสอบความผิดพลาด แก้ไขสัญญาณรบกวน (Error Correction) ที่มีมาก ในสายโทรศัพท์ในบางที่ แล้วไปใช้ความสามารถของซีพียูมาทำหน้าที่นี้แทน ทำให้เกิดการใช้ งานซีพียูเพิ่มมากขึ้นทำให้ความเร็วของ เครื่องลดลง หรือสัญญาณโทรศัพท์อาจตัดหรือ เรียกว่าสายหลุดได้ สำหรับคุณสมบัติ ที่ควรมีของโมเด็มคือ DSVD ที่ทำให้โมเด็มสามารถส่งผ่าน ข้อมูล Voice และ Data ได้ในขณะเดียวกันได้โดยความ เร็วไม่ลดลง และดูสิ่งที่ให้มาด้วยเช่น ซอฟท์แวร์ต่าง ๆ รวมทั้งดูว่าสามารถใช้อ่านอื่น ๆ ได้เช่น Fax, Voice, Mail และ Call ID เป็นต้น <br /><br /><img src="http://www.bcoms.net/hardware/images/modem2.jpg" width="550" height="167" /><br /><br /><strong>PCMCIA </strong><br /><br />เป็นCard ที่ใช้งานเฉพาะ โดยใช้กับ Notebook เป็น Card เสียบเข้าไปในช่องสำหรับเสียบ Card โดยเฉพาะสะดวกในการพกพา ในปัจจุบัน Modem สำหรับ Notebook จะติดมาพร้อมกันอยู่แล้วทำให้ความนิยมในการใช้ Card Modem ชนิดนี้ลดน้อยลง </p><ol><u>ปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อการใช้โมเด็มในการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ต มีดังนี้ </u><li>คุณภาพของสายทองแดง ระยะทางยาว การต่อสาย หรือหัวต่อต่าง ๆ ทำให้มีปัญหาต่อสัญญาณรบกวน </li><li>ไม่ควรใช้สายพ่วง เพราะการพ่วงสายจะทำให้อิมพีแดนซ์ของสายลดต่ำลง และจะมีปัญหาได้ขณะใช้งานถ้ามีคนยกหูโทรศัพท์เครื่องพ่วงสายจะหลุดทันที </li><li>ต้องไม่เปิดบริการเสริมใด ๆ สำหรับสายที่ใช้โมเด็ม เช่น เปิดให้มีสายเรียกซ้อน การรับสัญญาณอื่นขณะใช้โมเด็มจะทำให้การเชื่อมโยงหยุดทันที </li><li>หากชุมสายที่บ้านเชื่อมอยู่ต้องผ่านหลายชุมสาย หรือต้องผ่านระหว่างเครือข่ายของบริษัทบริการโทรศัพท์ </li><li>คุณภาพของโมเด็มที่ใช้ ปัจจุบันมีโมเด็มที่ผลิตหลากหลาย และมีคุณภาพแตกต่างกัน การแปลงสัญญาณอาจมีข้อแตกต่าง </li></ol><span style="color:#ff0000;">ข้อมูลจาก</span> <a href="http://www.dcomputer.com/" target="_blank">www.dcomputer.com </a>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-54657702069347276992009-12-23T10:12:00.000-08:002009-12-23T10:13:15.456-08:00RAM คืออะไร<span class="h1">แรม (RAM)</span> RAM ย่อมาจากคำว่า Random-Access Memory เป็นหน่วยความจำของระบบ มีหน้าที่รับข้อมูลเพื่อส่งไปให้ CPU ประมวลผลจะต้องมีไฟเข้า Module ของ RAM ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็น chip ที่เป็น IC ตัวเล็กๆ ถูก pack อยู่บนแผงวงจร หรือ Circuit Board เป็น module <p>เทคโนโลยีของหน่วยความจำมีหลักการที่แตกแยกกันอย่างชัดเจน 2 เทคโนโลยี คือหน่วยความจำแบบ DDR หรือ Double Data Rate (DDR-SDRAM, DDR-SGRAM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากเทคโนโลยีของหน่วยความจำแบบ SDRAM และ SGRAM และอีกหนึ่งคือหน่วยความจำแบบ Rambus ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มีแนวคิดบางส่วนต่างออกไปจากแบบอื่น<br /><br /><br /><strong>SDRAM </strong> </p><p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/hardware/images/ram1.jpg" width="320" height="162" /><br />รูปแสดง SDRAM </p> <p>อาจจะกล่าวได้ว่า SDRAM (Synchronous Dynamic Random Access Memory) นั้นเป็น Memory ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าไปเสียแล้วสำหรับยุคปัจจุบัน เพราะเป็นการทำงานในช่วง Clock ขาขึ้นเท่านั้น นั้นก็คือ ใน1 รอบสัญญาณนาฬิกา จะทำงาน 1 ครั้ง ใช้ Module แบบ SIMM หรือ Single In-line Memory Module โดยที่ Module ชนิดนี้ จะรองรับ datapath 32 bit โดยทั้งสองด้านของ circuite board จะให้สัญญาณเดียวกัน<br /><strong><br />DDR - RAM </strong> </p><p align="center"><br /><img src="http://www.bcoms.net/hardware/images/ram2.jpg" width="410" height="105" /><br />รูปแสดง DDR - SDRAM </p> <p><br />หน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM นี้พัฒนามาจากหน่วยความจำแบบ SDRAM เอเอ็มดีได้ทำการพัฒนาชิปเซตเองและให้บริษัทผู้ผลิตชิปเซตรายใหญ่อย่าง VIA, SiS และ ALi เป็นผู้พัฒนาชิปเซตให้ ปัจจุบันซีพียูของเอเอ็มดีนั้นมีประสิทธิภาพโดยรวมสูงแต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความเสถียรอยู่บ้าง แต่ต่อมาเอเอ็มดีหันมาสนใจกับชิปเซตสำหรับซีพียูมากขึ้น ขณะที่ทางเอเอ็มดีพัฒนาชิปเซตเลือกให้ชิปเซต AMD 760 สนับสนุนการทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ DDR เพราะหน่วยความจำแบบ DDR นี้ จัดเป็นเทคโนโลยีเปิดที่เกิดจากการร่วมมือกันพัฒนาของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเอเอ็มดี, ไมครอน, ซัมซุง, VIA, Infineon, ATi, NVIDIA รวมถึงบริษัทผู้ผลิตรายย่อยๆ อีกหลายDDR-SDRAM เป็นหน่วยความจำที่มีบทบาทสำคัญบนการ์ดแสดงผล 3 มิติ </p> <p>ทางบริษัท nVidia ได้ผลิต GeForce ใช้คู่กับหน่วยความจำแบบ SDRAM แต่เกิดปัญหาคอขวดของหน่วยความจำในการส่งถ่ายข้อมูลทำให้ทาง nVidia หาเทคโนโลยีของหน่วยความจำใหม่มาทดแทนหน่วยความจำแบบ SDRAM โดยเปลี่ยนเป็นหน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM การเปิดตัวของ GeForce ทำให้ได้พบกับ GPU ตัวแรกแล้ว และทำให้ได้รู้จักกับหน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM เป็นครั้งแรกด้วย การที่ DDR-SDRAM สามารถเข้ามาแก้ปัญหาคอคอดของหน่วยความจำบนการ์ดแสดงผลได้ ส่งผลให้ DDR-SDRAM กลายมาเป็นมาตรฐานของหน่วยความจำที่ใช้กันบนการ์ด 3 มิติ ใช้ Module DIMM หรือ Dual In-line Memory Module โดย Module นี้เพิ่งจะกำเนิดมาไม่นานนัก มี datapath ถึง 64 bit โดยทั้งสองด้านของ circuite board จะให้สัญญาณที่ต่างกัน<br /><br /><strong>Rambus </strong> </p><p align="center"><img src="http://www.bcoms.net/hardware/images/ram3.jpg" width="380" height="110" /><br />รูปแสดง Rambus </p> <p><br />Rambus นั้นทางอินเทลเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนหลักมาตั้งแต่แรกแล้ว Rambus ยังมีพันธมิตรอีกเช่น คอมแพค, เอชพี, เนชันแนล เซมิคอนดักเตอร์, เอเซอร์ แลบอเรทอรีส์ ปัจจุบัน Rambus ถูกเรียกว่า RDRAM หรือ Rambus DRAM ซึ่งออกมาทั้งหมด 3 รุ่นคือ Base RDRAM, Concurrent RDRAM และ Direct RDRAM RDRAM แตกต่างไปจาก SDRAM เรื่องการออกแบบอินเทอร์-เฟซของหน่วยความจำ Rambus ใช้วิธีการจัด address การจัดเก็บและรับข้อมูลในแบบเดิม ในส่วนการปรับปรุงโอนย้ายถ่ายข้อมูล ระหว่าง RDRAM ไปยังชิปเซตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีอัตราการส่งข้อมูลเป็น 4 เท่าของความเร็ว FSB ของตัว RAM คือ มี 4 ทิศทางในการรับส่งข้อมูล เช่น RAM มีความเร็ว BUS = 100 MHz คูณกับ 4 pipline จะเท่ากับ 400 MHz </p> <p>วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนถ่ายข้อมูลของ RDRAM นั้นก็คือ จะใช้อินเทอร์เฟซเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Rambus Interface ซึ่งจะมีอยู่ที่ปลายทางทั้ง 2 ด้าน คือทั้งในตัวชิป RDRAM เอง และในตัวควบคุมหน่วยความจำ (Memory controller อยู่ในชิปเซต) เป็นตัวช่วยเพิ่มแบนด์วิดธ์ให้ โดย Rambus Interface นี้จะทำให้ RDRAM สามารถขนถ่ายข้อมูลได้สูงถึง 400 MHz DDR หรือ 800 เมกะเฮิรตซ์ เลยทีเดียว </p> <p>แต่การที่มีความสามารถในการขนถ่ายข้อมูลสูง ก็เป็นผลร้ายเหมือนกัน เพราะทำให้มีความจำเป็นต้องมี Data path หรือทางผ่านข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรองรับปริมาณการขนถ่ายข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้ขนาดของ die บนตัวหน่วยความจำต้องกว้างขึ้น และก็ทำให้ต้นทุนของหน่วยความจำแบบ Rambus นี้ สูงขึ้นและแม้ว่า RDRAM จะมีการทำงานที่ 800 เมกะเฮิรตซ์ แต่เนื่องจากโครงสร้างของมันจะเป็นแบบ 16 บิต (2 ไบต์) ทำให้แบนด์วิดธ์ของหน่วยความจำชนิดนี้ มีค่าสูงสุดอยู่ที่ 1.6 กิกะไบต์ต่อวินาทีเท่านั้น (2 x 800 = 1600) ซึ่งก็เทียบเท่ากับ PC1600 ของหน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM<br /><br /><strong>สัญญาณนาฬิกา </strong><br /><br />DDR-SDRAM จะมีพื้นฐานเหมือนกับ SDRAM ทั่วไปมีความถี่ของสัญญาณนาฬิกาเท่าเดิม (100 และ 133 เมกะเฮิรตซ์) เพียงแต่ว่า หน่วยความจำแบบ DDR นั้น จะสามารถขนถ่ายข้อมูลได้มากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า เนื่องจากมันสามารถขนถ่ายข้อมูลได้ทั้งในขาขึ้นและขาลงของหนึ่งรอบสัญญาณนาฬิกา ในขณะที่หน่วยความจำแบบ SDRAM สามารถขนถ่ายข้อมูลได้เพียงขาขึ้นของรอบสัญญาณนาฬิกาเท่านั้น<br />ด้วยแนวคิดง่าย ๆ แต่สามารถเพิ่มแบนด์วิดธ์ได้เป็นสองเท่า และอาจจะได้พบกับหน่วยความจำแบบ DDR II ซึ่งก็จะเพิ่มแบนด์วิดธ์ขึ้นไปอีก 2 เท่า จากหน่วยความจำแบบ DDR (หรือเพิ่มแบนด์วิดธ์ไปอีก 4 เท่า เมื่อเทียบกับหน่วยความจำแบบ SDRAM) ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะจะว่าไปแล้วก็คล้ายกับกรณีของ AGP ซึ่งพัฒนามาเป็น AGP 2X 4X และ AGP 8X </p> <p>หน่วยความจำแบบ DDR จะใช้ไฟเพียง 2.5 โวลต์ แทนที่จะเป็น 3.3 โวลต์เหมือนกับ SDRAM ทำให้เหมาะที่จะใช้กับโน้ตบุ๊ก และด้วยการที่พัฒนามาจากพื้นฐานเดียว DDR-SDRAM จะมีความแตกต่างจาก SDRAM อย่างเห็นได้ชัดอยู่หลายจุด เริ่มตั้งแต่มีขาทั้งหมด 184 pin ในขณะที่ SDRAM จะมี 168 pin อีกทั้ง DDR-SDRAM ยังมีรูระหว่าง pin เพียงรูเดียว ในขณะที่ SDRAM จะมี 2 รู ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า DDR-SDRAM นั้น ไม่สามารถใส่ใน DIMM ของ SDRAM ได้ หรือต้องมี DIMM เฉพาะใช้ร่วมกันไม่ได้<br /><br /><strong>การเรียกชื่อ RAM </strong><br /><br />Rambus ซึ่งใช้เรียกชื่อรุ่นหน่วยความจำของตัวเองว่า PC600, PC700 และ ทำให้ DDR-SDRAM เปลี่ยนวิธีการเรียกชื่อหน่วยความจำไปเช่นกัน คือแทนที่จะเรียกตามความถี่ของหน่วยความจำว่าเป็น PC200 (PC100 DDR) หรือ PC266 (PC133 DDR) กลับเปลี่ยนเป็น PC1600 และ PC2100 ซึ่งชื่อนี้ก็มีที่มาจากอัตราการขนถ่ายข้อมูลสูงสุดที่หน่วยความจำรุ่นนั้นสามารถทำได้ ถ้าจะเปรียบเทียบกับหน่วยความจำแบบ SDRAM แล้ว PC1600 ก็คือ PC100 MHz DDR และ PC2100 ก็คือ PC133 MHz DDR เพราะหน่วยความจำที่มีบัส 64 บิต หรือ 8 ไบต์ และมีอัตราการขนถ่ายข้อมูล 1600 เมกะไบต์ต่อวินาที ก็จะต้องมีความถี่อยู่ที่ 200 เมกะเฮิรตซ์ (8 x 200 = 1600) หรือถ้ามีแบนด์วิดธ์ที่ 2100 เมกะไบต์ต่อวินาที ก็ต้องมีความถี่อยู่ที่ 266 เมกะเฮิรตซ์ (8 x 266 = 2100)<br /><br /><strong>อนาคตของ RAM </strong><br /><br />บริษัทผู้ผลิตชิปเซตส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสนใจกับหน่วยความจำแบบ DDR กันมากขึ้น อย่างเช่น VIA ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปเซตรายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ก็เริ่มผลิตชิปเซตอย่าง VIA Apollo KT266 และ VIA Apollo KT133a ซึ่งเป็นชิปเซตสำหรับซีพียูในตระกูลแอธลอน และดูรอน (Socket A) รวมถึงกำหนดให้ VIA Apolle Pro 266 ซึ่งเป็นชิปเซตสำหรับเซลเลอรอน และเพนเทียม (Slot1, Socket 370) หันมาสนับสนุนการทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM แทนที่จะเป็น RDRAM</p> <p><br />แนวโน้มที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดของทั้ง DDR II กับ RDRAM เวอร์ชันต่อไป เทคโนโลยี quard pump คือการอัดรอบเพิ่มเข้าไปเป็น 4 เท่า เหมือนกับในกรณีของ AGP ซึ่งนั่นจะทำให้ DDR II และ RDRAM เวอร์ชันต่อไป มีแบนด์-วิดธ์ที่สูงขึ้นกว่างปัจจุบันอีก 2 เท่า ในส่วนของ RDRAM นั้น การเพิ่มจำนวนสล็อตในหนึ่ง channel ก็น่าจะเป็นหนทางการพัฒนาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็จะเป็นการเพิ่มแบนด์วิดธ์ของหน่วยความจำขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเช่นกัน และทั้งหมดที่ว่ามานั้น คงจะพอรับประกันได้ว่า การต่อสู้ระหว่าง DDR และ Rambus คงยังไม่จบลงง่าย ๆ และหน่วยความจำแบบ DDR ยังไม่ได้เป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาด<br /><br /><br /><span style="color: rgb(255, 0, 0);">ข้อมูลจาก</span> <a href="http://www.dcomputer.com/" target="_blank">www.dcomputer.com </a></p>kampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2158904734172749589.post-77529118880478865242009-12-23T10:10:00.000-08:002009-12-23T10:11:29.569-08:00ประเภทของคอมพิวเตอร์ แบ่งตามความสามารถของระบบ<p>จำแนกออกได้เป็น 4 ชนิด โดยพิจารณาจาก ความสามารถในการเก็บข้อมูล และ ความเร็วในการประมวลผล เป็นหลัก ดังนี้</p><b> <p><span style="color:#993300;">ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer)</span></p></b> <p>หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงที่สุด โดยทั่วไปสร้างขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่องานด้านวิทยาศาสตร์ที่ต้องการการประมวลผลซับซ้อน และต้องการความเร็วสูง เช่น งานวิจัยขีปนาวุธ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานสื่อสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นต้น</p> <p><b><span style="color:#993300;">เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)</span></b></p> <p>หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีส่วนความจำและความเร็วน้อยลง สามารถใช้ข้อมูลและคำสั่งของเครื่องรุ่นอื่นในตระกูล (Family) เดียวกันได้ โดยไม่ต้องดัดแปลงแก้ไขใดๆ นอกจากนั้นยังสามารถทำงานในระบบเครือข่าย (Network) ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องปลายทาง (Terminal) จำนวนมากได้ สามารถทำงานได้พร้อมกันหลายงาน (Multi Tasking) และใช้งานได้พร้อมกันหลายคน (Multi User) ปกติเครื่องชนิดนี้นิยมใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ มีราคาตั้งแต่สิบล้านบาทไปจนถึงหลายร้อยล้านบาท ตัวอย่างของเครื่องเมนเฟรมที่ใช้กันแพร่หลายก็คือ คอมพิวเตอร์ของธนาคารที่เชื่อมต่อไปยังตู้ ATM และสาขาของธนาคารทั่วประเทศนั่นเอง </p><b> <p><span style="color:#993300;">มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer)</span></p></b> <p>ธุรกิจและหน่วยงานที่มีขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ขนาดเมนเฟรมซึ่งมีราคาแพง ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จึงพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กและมีราคาถูกลง เรียกว่า เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ โดยมีลักษณะพิเศษในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบข้างที่มีความเร็วสูงได้ มีการใช้แผ่นจานแม่เหล็กความจุสูงชนิดแข็ง (Harddisk) ในการเก็บรักษาข้อมูล สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานและบริษัทที่ใช้คอมพิวเตอร์ขนาดนี้ ได้แก่ กรม กอง มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ</p><b> <p><span style="color:#993300;">ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer)</span></p></b> <p>หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลขนาดเล็ก มีส่วนของหน่วยความจำและความเร็วในการประมวลผลน้อยที่สุด สามารถใช้งานได้ด้วยคนเดียว จึงมักถูกเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer : PC)</p> <p>ปัจจุบัน ไมโครคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพสูงกว่าในสมัยก่อนมาก อาจเท่ากับหรือมากกว่าเครื่องเมนเฟรมในยุคก่อน นอกจากนั้นยังราคาถูกลงมาก ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมใช้มาก ทั้งตามหน่วยงานและบริษัทห้างร้าน ตลอดจนตามโรงเรียน สถานศึกษา และบ้านเรือน บริษัทที่ผลิตไมโครคอมพิวเตอร์ออกจำหน่ายจนประสบความสำเร็จเป็นบริษัทแรก คือ บริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์</p> <p>เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ จำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ</p> <ol><li>แบบติดตั้งใช้งานอยู่กับที่บนโต๊ะทำงาน (Desktop Computer) </li><li>แบบเคลื่อนย้ายได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตัว อาศัยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จากภายนอก ส่วนใหญ่มักเรียกตามลักษณะของการใช้งานว่า Laptop Computer หรือ Notebook Computer </li></ol>Credit --> http://www.thaiwbi.comkampongdukuhttp://www.blogger.com/profile/00982612132711046268noreply@blogger.com0